การบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีระบบ
โครงสร้างการบริหารความเสี่ยง

บริษัทดำเนินการบริหารความเสี่ยงบนรากฐานความยั่งยืนตามกรอบมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติธรรมาภิบาล
เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจ ผ่านกรอบการบริหารความเสี่ยงตามมาตรฐาน Committee of Sponsoring Organization of the Treadway Commission (COSO) ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ และคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก ทำให้สามารถจัดลำดับความสำคัญของการดำเนินธุรกิจ การวางแผนมาตการป้องกัน แก้ไข ตลอดจนหาแนวทางในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำประเด็นดังกล่าวมาพิจารณาดำเนินการประเมินความเสี่ยง และประเมินโอกาสทางธุรกิจของบริษัท
การบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร ถือเป็นนโยบายการบริหารจัดการ และการกำกับดูแลกิจการขององค์กรให้มีประสิทธิภาพที่สนับสนุนให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนสอดคล้องตามข้อกำหนดระบบบริหารงานคุณภาพที่ต้อง ทำความเข้าใจบริบท และวัตถุประสงค์ขององค์กร รวมถึงตอบสนองความต้องการความคาดหวังของ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยบริษัทกำหนดให้การระบุความเสี่ยงครอบคลุมความเสี่ยง 6 ประเภท คือ 1.ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ 2.ความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ 3.ความเสี่ยงด้านการเงิน 4.ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ 5.ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน 6.ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (รายละเอียดเพิ่มเติมในรายงานประจำปี 2567 (แบบ 56-1 One Report) หัวข้อการบริหารจัดการความเสี่ยง หน้าที่ 46 และ หัวข้อการควบคุมภายใน หน้าที่ 111) (Disclosure 205-1)
นอกจากนี้ บริษัทยังจัดให้ทุกหน่วยงานทำการประเมินความเสี่ยงด้านคอร์รัปชัน โดยนำหลักการของ CAC มาประยุกต์ใช้ซึ่งจะต้องระบุประเภทกิจกรรมหรือขั้นตอนการทำงานที่อาจมีความเสี่ยงในการคอร์รัปชัน เช่น การขอ และ/หรือต่ออายุใบอนุญาตกับหน่วยงานภาครัฐ การประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นต้น และให้ระบุสาเหตุที่อาจทำให้เกิดการคอร์รัปชัน โดยแบ่งได้ 3 ประเภท ได้แก่ 1) ซื้อความสะดวก 2) ซื้อความผิด และ 3) ซื้องานหรือโอกาสทางธุรกิจ เมื่อประเมินโอกาสและผลกระทบที่จะเกิดตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดไว้แล้ว จะต้องจัดทำมาตรการควบคุมเพื่อลดโอกาสเกิดและผลกระทบในระดับที่บริษัทยอมรับได้ รวมทั้งมีการติดตามผลและสุ่มตรวจสอบโดยสำนักตรวจสอบของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทจัดให้มีการพัฒนาระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management : BCM) ด้วยการวางระบบบริหารจัดการแบบองค์รวม ที่ประกอบด้วย แผนการจัดการภาวะวิกฤต แผนการสื่อสารภาวะวิกฤต และแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ โดยรวมทุกหน่วยงานภายในองค์กรแบบเชื่อมโยงกัน
จากความแปรปรวนของอากาศ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลก ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์เอลนีโญ (EL Nina) และลานีญา (La Nina) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของภาคพื้นสมุทรที่มีความสัมพันธ์กับสภาพ ภูมิอากาศ โดยเฉพาะอุณหภูมิและปริมาณน้ำฝน โดยทั้ง 2 ปรากฏการณ์นี้ มักจะเกิดสลับกันเมื่อเกิด เอลนีโญ แล้วจะเกิด ลานีญา ตามมาโดยเอลนีโญจะเกิดขึ้นเฉลี่ย 5-6 ปีต่อครั้ง แต่ละครั้งกินเวลานานราว 12-18 เดือน ส่วนลานีญาจะเกิดขึ้นได้ทุก 2- 3 ปี แต่ละครั้งกินเวลานานราว 9-12 เดือน แต่บางครั้งอาจอยู่นานถึง 2 ปี
ดังนั้น จากปรากฎการณ์ดังกล่าว บริษัทได้ประเมินว่าประเทศไทยหากเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี หรือเกิดภาวะภัยแล้งติดต่อกัน 3 ปี (ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่) อาจนำมาถึงปัญหาแหล่งน้ำต้นทุน ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของแหล่งน้ำ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนนำมาสู่วิกฤตการณ์ภัยแล้ง ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำ

การบริหารจัดการกับข้อร้องเรียน
มาตรการรองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่
บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจจากธุรกิจน้ำดิบเป็นธุรกิจน้ำครบวงจร เพื่อลดผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อปริมาณน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมถึงสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละกลุ่ม นอกจากนี้ บริษัทได้จัดทำมาตรการรองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ ดังนี้
- ระยะสั้น :
- บริษัทมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำอย่างต่อเนื่อง และหากมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหา จะมีการใช้มาตรการในการบริหารจัดการต่าง ๆ ร่วมกัน
- บริษัทมีการบริหารจัดการน้ำ โดยมีการติดตามสถานการณ์น้ำเข้า (Inflow) และน้ำออก (Outflow) ของแหล่งน้ำต้นทุน ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังมีการใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น การคาดการณ์สภาวะอากาศ แหล่งน้ำต่าง ๆ เพื่อจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำ โดยคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุน และความต้องการใช้น้ำของลูกค้า เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำในทุกพื้นที่ให้มีความเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำ โดยการบริหารจัดการน้ำ ยังคำนึงถึง ผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วน รวมถึงเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ระยะยาว :
- บริษัทจัดทำแผนการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน และโครงข่ายระบบท่อสูบส่งน้ำระยะยาว โดยคาดการณ์ความต้องการในระยะยาว ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ เพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาประเทศของภาครัฐ และรองรับความต้องการใช้น้ำทุกภาคส่วน
- บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในธุรกิจ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพระบบ การพัฒนาธุรกิจเกี่ยวเนื่อง การลดต้นทุนดำเนินงาน โดยคำนึงถึงการเกิดประโยชน์โดยรวมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท ทุกภาคส่วน
บริษัทให้ความสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบสูบส่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำเพื่อลดการใช้ไฟฟ้าในการสูบส่ง การบำรุงรักษาระบบสูบส่งเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการนำพลังงานทางเลือก และนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในกระบวนการสูบส่งน้ำดิบ