กลุ่มบริษัทอีสท์ วอเตอร์มีแนวทางการบริหารจัดการคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทานของกลุ่มบริษัทอีสท์ วอเตอร์ โดยมี ความตั้งใจที่จะพัฒนาคู่ค้าเพื่อเพิ่มศักยภาพของคู่ค้าให้เติบโตคู่ไปกับการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทอีสท์ วอเตอร์อย่างยั่งยืน กลุ่มบริษัทอีสท์ วอเตอร์ยึดถือและปฏิบัติตามระเบียบและแนวปฏิบัติด้านการจัดซื้อจัดจ้าง และจรรยาบรรณคู่ค้า ที่คำนึงถึงประเด็นที่สำคัญต่อความยั่งยืน เพื่อประกาศเจตนารมณ์ของกลุ่มบริษัทอีสท์วอเตอร์ที่ชัดเจนและถือเป็นบรรทัดฐานในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของกลุ่มบริษัทอีสท์ วอเตอร์ ตลอดจนการพัฒนาความสัมพันธ์กับคู่ค้า โดยมีการจัดกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างบริษัทและคู่ค้าอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ ทุกปี

นโยบายด้านการจัดซื้อจัดจ้าง

แนวทางในการบริหารจัดการความเสี่ยงของคู่ค้า

กลุ่มบริษัทอีสท์ วอเตอร์ ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอจัดซื้อจัดจ้างเป็น 2 หลักเกณฑ์ เพื่อให้มีการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม ไม่ได้พิจารณาเฉพาะด้านราคาเพียงอย่างเดียว เพื่อให้คู่ค้าส่งมอบสินค้า และบริการที่ดีที่สุด และราคาอย่างเป็นธรรมให้กับกลุ่มบริษัทอีสท์ วอเตอร์ คือ หลักเกณฑ์ราคา (Price) และ หลักเกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance)

กลุ่มบริษัทอีสท์ วอเตอร์ ได้กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกคู่ค้าที่มีสิทธิเสนอราคางานโครงการของบริษัทการจัดทำทะเบียนรายชื่อคู่ค้า AVL (Approved Vendor List) แยกตามประเภทของงานที่จะจัดซื้อจัดจ้าง ที่เกี่ยวกับระบบบริหารคุณภาพในขบวนการสูบจ่ายน้ำดิบให้แก่ลูกค้า เพื่อให้มีคู่ค้าเพียงพอต่อการดำเนินงานหลักของบริษัท โดยแยกประเภทของงานเป็น 9 ประเภท และจัดแบ่งระดับการขึ้นทะเบียนในแต่ละประเภท หลักเกณฑ์ในการพิจารณาขึ้นทะเบียนและการจัดแบ่งระดับพิจารณาจากทุนจดทะเบียน ผลงานที่ผ่านมาในรอบ 10 ปี ผู้รับผิดชอบในดำเนินงาน รวมถึงเครื่องมือ เครื่องจักร

ทั้งนี้ ยังรวมถึงให้มีการประเมินผลงานของผู้ค้าเมื่องานแล้วเสร็จ หรือหากระยะเวลาโครงการดำเนินงานมากกว่า 1 ปี ให้ประเมินผลทุก 1 ปี จนกว่างานจะแล้วเสร็จ และให้มีการทบทวนการขึ้นทะเบียนของผู้ค้าอย่างน้อยทุก 2 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ค้าได้จัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้บริษัทได้ทบทวนและจัดแบ่งระดับใหม่ตามข้อมูลปัจจุบันของผู้ค้า รวมถึงบริษัทมีสิทธิเพิกถอนผู้ค้าออกจากบัญชีรายชื่อมีสิทธิเสนอราคาได้ในกรณีที่ผลประเมินต่ำกว่าที่ บริษัทกำหนด หรือหลักเกณฑ์ในการพิจารณาการเพิกถอนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ๆ

กระบวนการวิเคราะห์ความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานมี 4 กระบวนการ ดังนี้

1. การพิจารณาการสั่งซื้อสั่งจ้างของคู่ค้า

1.1 บริษัทได้แบ่งประเภทคู่ค้าที่ร่วมดำเนินธุรกิจกับบริษัท จำนวน 9 ประเภท ดังนี้

  1. ท่อแบบต่างๆ หมายถึง ท่อส่งน้ำ อุปกรณ์เครื่องมือวัด มาตรวัดน้ำ ประตูน้ำ เช็ควาล์ว แอร์วาล์ว มิเตอร์ (เฉพาะท่อสายหลัก) อุปกรณ์ดังกล่าวขนาด ตั้งแต่ 200 มม. ขึ้นไป ทั้งนี้ให้แยกเป็น
    1. ผู้ผลิตท่อและอุปกรณ์
    2. ผู้ผลิตพร้อมติดตั้งท่อส่งน้ำ
    3. ผู้จำหน่ายและผู้แทนจำหน่ายท่อและอุปกรณ์
  2. เครื่องสูบน้ำ หมายถึง เครื่องสูบส่งน้ำดิบ ที่มีขนาดตั้งแต่ 100 แรงม้าขึ้นไป ทั้งนี้ให้แยกเป็น
    1. ผู้ผลิตเครื่องสูบน้ำ
    2. ผู้จำหน่ายและผู้แทนจำหน่ายเครื่องสูบน้ำ
    3. ผู้รับเหมาจัดหาและติดตั้งเครื่องสูบน้ำ
  3. ที่ปรึกษา หมายถึง บริษัทที่ปรึกษางานก่อสร้างอาคารที่เกี่ยวกับระบบท่อส่งน้ำหลัก งานวางท่อ งานเครื่องสูบน้ำ และ งานควบคุมระบบส่งน้ำหลัก (SCADA)
  4. การก่อสร้างอาคารที่เกี่ยวกับระบบท่อ หมายถึง งานก่อสร้างอาคารดังต่อไปนี้ สถานีสูบน้ำ ถังพักน้ำ ถังลดแรงดัน และอาคารที่เกี่ยวข้องกับระบบท่อส่งน้ำดิบ
  5. SCADA หมายถึง ผู้รับเหมาติดตั้งระบบควบคุมการสูบส่งน้ำและระบบสื่อสารที่ใช้ประกอบ
  6. การจ้างวางท่อส่งน้ำ หมายถึง ผู้รับเหมาวางท่อส่งน้ำดิบ และ/หรือ ติดตั้งสถานีจ่ายน้ำลูกค้า และ/หรือ ซ่อมแซมระบบส่งน้ำดิบ
  7. การบำรุงรักษาเส้นท่อ หมายถึง การจ้างงานบำรุงรักษาเส้นท่อหลักในเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance)
  8. ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การจ้างจัดทำระบบที่มีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดการ จัดเก็บ รวบรวม ประมวลผลข้อมูล และการสร้างรายงาน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
  9. งานไฟฟ้า หมายถึง ผู้รับเหมาที่ติดตั้งเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าแรงสูง สถานีไฟฟ้าย่อย ระบบไฟฟ้าแรงต่ำ ที่เกี่ยวข้องกับระบบการสูบส่งน้ำ

คู่ค้าในประเภทที่ 3 - 9 จะมีการจัดแบ่งระดับเกรดผู้รับจ้างไว้ตามแต่ละประเภท (อ้างอิงเอกสารวิธีการปฏิบัติงาน Work Instruction : การคัดเลือกผู้มีสิทธิเสนอราคา)

1.2 การวิเคราะห์ค่าใช้จ่าย (Spend Analysis) และการวิเคราะห์ความเสี่ยงโดยใช้ Supply Positioning Model

2. เกณฑ์การคัดเลือกคู่ค้า

กรณีคู่ค้าเป็นผู้ขาย ผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการรายใหม่

2.1 ความมีตัวตนของกิจการ โดยขอเอกสารการจดทะเบียนบริษัทหรือนิติบุคคลอื่น เช่น หนังสือรับรองบริษัทที่ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ไม่เกิน 6 เดือน เอกสารการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) เป็นต้น

2.2 คุณภาพของสินค้าและบริการ ให้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่ขอซื้อและ/หรือผู้เชี่ยวชาญ

2.3 ชื่อเสียงและผลงานของผู้ขาย ผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการ โดยพิจารณาจากลูกค้าที่เคยให้บริการและอาจสอบถามจากลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าหรือรับบริการ

2.4 กรณีเป็นรายการสินค้าหรือบริการที่ระบุไว้ในเอกสารระบบ (ISO) จะต้องยื่นเอกสารตามที่ระบุไว้ในระบบ (ISO) เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ค้าโดยแยกตามประเภทของงานที่จะจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขาย ผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการมีคุณสมบัติเพียงพอ ที่สามารถส่งมอบสินค้าหรือบริการที่มีมาตรฐานตามข้อกำหนดของบริษัทฯ

2.5 หากผู้ให้บริการเป็นบุคคลธรรมดาให้แสดงสำเนาบัตรประชาชนพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมกับประสบการณ์การทำงาน

2.6 ผู้ให้บริการจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทฯ จะต้องไม่เป็นผู้รับจ้างงานก่อสร้างในงานที่ตนเองเป็นคู่สัญญานั้น

2.7 ผู้ขาย ผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการจะต้องดำเนินธุรกิจตามหลักจริยธรรมอย่างเคร่งครัดโดยไม่ทุจริต คอร์รัปชัน ติดสินบน หรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ต้องให้ความเคารพต่อสิทธิของแรงงาน และปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรมตามบรรทัดฐานที่เป็นสากล โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคมและธรรมาภิบาล หรือการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance ; ESG) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน

กรณีคู่ค้าเป็นผู้ขาย ผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการรายเดิม หรือปัจจุบัน

ให้พิจารณาตามข้อ 2.1-2.7 ข้างต้นและเพิ่มเติมในประเด็นดังต่อไปนี้:

2.8 ราคาต้องเป็นราคาที่มีการแข่งขันในท้องตลาด (competitive price) และให้พิจารณาในด้านความคุ้มค่ากับคุณภาพสินค้าหรืองานบริการ และการเปรียบเทียบต้องเปรียบเทียบบนหลักการของคุณภาพเดียวกัน

2.9 ความตรงต่อเวลาและเงื่อนไขการขาย

2.10 การบริการหลังการขายและการรับประกันสินค้าหรือบริการ

3. การวิเคราะห์และจัดลำดับคู่ค้า

เริ่มจากการรวบรวมคู่ค้าที่มีการซื้อขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวกับระบบบริหารคุณภาพในขบวนการสูบจ่ายน้ำดิบในรอบปี (Tier 1) มาทำการวิเคราะห์เพื่อหาคู่ค้าที่มีความสำคัญกับบริษัท (Critical Tier 1) ดังนั้น บริษัทจึงได้กำหนดเกณฑ์การพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของคู่ค้าที่สอดคล้องตามประเภทคู่ค้า ดังนี้

  • คู่ค้ารายสำคัญ (Critical Tier 1 Suppliers) หมายถึง คู่ค้าที่จัดหาสินค้าหรือบริการให้กับบริษัทโดยตรง และขึ้นทะเบียนรายชื่อผู้มีสิทธิเสนอราคากับบริษัท
  • คู่ค้ารายสำคัญที่ไม่ได้ทำธุรกิจโดยตรง (Critical Non-Tier 1 Suppliers) หมายถึง คู่ค้าที่เป็นผู้จัดหาสินค้าหรือบริการให้กับ คู่ค้ารายสำคัญ (Critical Tier 1 Suppliers)
เกณฑ์การพิจารณา
(Critical Tier 1 Suppliers)
เกณฑ์การพิจารณาค้ารายสำคัญที่ไม่ได้ทำธุรกิจโดยตรง (Critical Non-Tier 1 Suppliers)
1. มูลค่าการสั่งซื้อ
2. ความถี่ในการสั่งซื้อ
3. ขีดความสามารถของทะเบียนคู่ค้า (Approved Vendor List)
1. เป็นสินค้าหรือส่วนประกอบที่มีความสำคัญต่อการ จัดซื้อจัดจ้างที่เป็นอุปกรณ์หลักของบริษัท หรือเป็น สินค้า/บริการที่บริษัทกำหนดคุณลักษณะเฉพาะไว้
2. สินค้า หรือบริการที่มีมูลค่าในการจัดซื้อจัดจ้าง

การประเมินความเสี่ยงคู่ค้าด้าน ESG

บริษัทมีความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจกับคู่ค้าตามจรรยาบรรณคู่ค้าเพื่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน (Supplier Code of Conduct Sustainable Business Development : SCOC) ที่ครอบคลุมประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล กระบวนการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG จะเริ่มการจำแนกคู่ค้าตามประเภทของการดำเนินงานหลักของบริษัท เป็นการพิจารณาถึงเหตุการณ์ความเสี่ยงซึ่งอาจจะเกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจ จาก 2 มุมมองได้แก่ โอกาสที่จะเกิด (LIKELIHOOD) และผลกระทบ (IMPACT) โดยให้พิจารณาผสมผสานระหว่างวิธีการประเมินเชิงคุณภาพ (QUALITATIVE) และวิธีการประเมินเชิงปริมาณ (QUANTITATIVE) เพื่อระบุกลุ่มคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูง และเตรียมแนวทางการจัดการเพื่อลดความเสี่ยง และลดผลกระทบในแต่ละกลุ่มคู่ค้าลง

4.1 เกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ของคู่ค้า (อ้างอิงจากเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงขององค์กร)

  1. โอกาสที่จะเกิด (LIKELIHOOD)
    • มาตรการควบคุม และดำเนินการของคู่ค้าในด้าน ESG รวมถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต 3 ปีย้อนหลัง โดยพิจารณาจากการตรวจประเมินตนเองของคู่ค้า (SELF-ASSESSMENT) อ้างอิงจากเกณฑ์ประเมินความเสี่ยงขององค์กร
  2. ผลกระทบ (IMPACT)
    • พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้ง ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านบรรษัทภิบาล อ้างอิงจากเกณฑ์ประเมินความเสี่ยงองค์กร

ประเด็น ESG ที่นำมาพิจารณาความเสี่ยง ESG ของคู่ค้า

ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม ด้านบรรษัทภิบาล
1. การจัดการด้านน้ำ (การใช้น้ำ และการจัดการน้ำเสีย)
2. การจัดการด้านพลังงาน
3. การจัดการสภาพภูมิอากาศ และก๊าซเรือนกระจก
4. การจัดการของเสีย และของเสียอันตราย
5. สารเคมีและวัถตุอันตราย
6. ความหลากหลายทางชีวภาพ
7. การจัดการสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ (เสียง มลพิษทางอากาศ)
1. ด้านสิทธิมนุษยชน
2. การปฏิบัติต่อแรงงาน
3. ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
4. ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของชุมชน และการดูแลชุมชน
1. การปฏิบัติตามจรรยาบรรณคู่ค้า
2. การปฏิบัติตามข้อกำหนด กฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง
3. การดำเนินธุรกิจด้วยจริยธรรม และความโปร่งใส ตรวจสอบได้
4. การต่อต้านทุจริตคอรัปชัน
5. การจัดการความเสี่ยง
6. การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และการเก็บรักษาความลับ
7.ความขัดแย้งทางผลประโยชน์
8.ความเสี่ยงจากการพึ่งพาคู่ค้าน้อยราย

ผลการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ของคู่ค้า

คู่ค้ารายสำคัญ (Critical Tier 1 Suppliers) ได้รับการประเมิน คิดเป็นร้อยละ 60 ของคู่ค้ารายสำคัญทั้งหมด

จากการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ของคู่ค้า พบว่าประเด็นความเสี่ยงด้าน ESG ทุกประเด็น อยู่ในระดับต่ำ