อีสท์ วอเตอร์ เผยผลประกอบการปี 2562 เดินหน้ามาตรการสู้ภัยแล้งเต็มกำลัง
อีสท์ วอเตอร์ เผยผลการดำเนินงานปี 2562 รายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2561 ผลจากการจำหน่ายน้ำดิบเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้ามาตรการเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อบริหารจัดการน้ำในช่วงภัยแล้งนี้
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการรวมทั้งสิ้น 4,680.08 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 459.09 ล้านบาท หรือ 10.88% เมื่อเปรียบเทียบกับ ปี 2561 เนื่องจากปริมาณน้ำดิบจำหน่ายเพิ่มขึ้น และมีกำไรสุทธิ 1,044.79 ล้านบาท ลดลง 72.73 ล้านบาท หรือ 6.51%
สำหรับปริมาณยอดส่งจ่ายน้ำดิบในเดือนมกราคม – ธันวาคม 2562 มีปริมาณอยู่ที่ 313.41 ล้านลูกบาศก์เมตร จากเดือนมกราคม-ธันวาคม 2561 ที่ 249.75 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 63.67 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 25.49% โดยสามารถแยกกลุ่มลูกค้าเป็นนิคมอุตสาหกรรม 47% กลุ่มอุปโภคบริโภค 26% กลุ่มสวนอุตสาหกรรม 12% กลุ่มกิจการประปาของกลุ่มบริษัท 10% กลุ่มโรงงานทั่วไป 5% ยอดปริมาณการจำหน่ายน้ำดิบที่เพิ่มขึ้นมาจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากลูกค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค
บริษัทจัดอันดับเครดิตองค์กรชื่อดังชั้นนำอย่าง “ทริสเรทติ้ง” จัดอันดับให้บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ (EASTW) ให้คงอันดับเครดิตอยู่ที่ A+ แนวโน้มคงที่ สะท้อนสถานะที่แข็งแกร่งของธุรกิจที่เป็นผู้บริหารจัดการน้ำที่มีโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบครอบคลุมพื้นที่ในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกที่สมบูรณ์ ความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวนออก มีอัตรากำไรที่ดีและมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ อีสท์ วอเตอร์ ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 98 บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน Thailand Sustainability Investment หรือ รายชื่อ “หุ้นยั่งยืน” ประจำปี 2562 ถือเป็นหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) หรือ ESG ที่โดดเด่น มีการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียครอบคลุมทั้งในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม กระบวนการบริหารจัดการเพื่อสร้างความยั่งยืน และรางวัลประเภท Rising Star Sustainability Awards ประจำปี 2562 ในกลุ่ม Sustainability Excellence ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้โดดเด่น และได้รับรางวัลรางวัลประกาศเกียรติคุณ (Sustainability Disclosure Recognition) จากสถาบันไทยพัฒน์เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียเติบโตเคียงคู่ไปกับบริษัท และตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
อีสท์ วอเตอร์ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วน อาทิ กรมชลประทาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อบริหารจัดการน้ำและหามาตรการรองรับแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ทั้งนี้อีสท์ วอเตอร์ได้มีการวางแผนดำเนินมาตรการเพื่อรองรับและมีความคืบหน้า ดังนี้ การจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมจากบ่อดินเอกชนเข้ามาเสริมในพื้นที่ชลบุรีและฉะเชิงเทรา เร่งดำเนินการเพื่อซื้อแหล่งน้ำจากเอกชน รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพน้ำเพื่อให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน การเตรียมความพร้อมระบบสูบน้ำสระสำรองสำนักบก ที่ดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563
โครงการปรับปรุงคลองน้ำแดงด้านท้ายท่อผันน้ำอ่างฯประแสร์ - อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ โดยวิธีปูแผ่น HDPE และขุดลอก เพื่อแยกเส้นท่อผันน้ำอ่างฯประแสร์-อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ กับท่อผันน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์- อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เพื่อเพิ่มปริมาณการสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ ประมาณวันละ 100,000 ลบ.ม. คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นเดือนเมษายน 2563 โครงการก่อสร้างระบบสูบกลับคลองสะพานเติมอ่างเก็บน้ำประแสร์ (ชั่วคราว) คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนเมษายน 2563 โครงการปรับปรุงซ่อมแซมระบบสูบกลับวัดละหารไร่ (แม่น้ำระยองท้ายอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล) เติมอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนเมษายน 2563 โครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำฉะเชิงเทรา (คลองเขื่อน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกง คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฏาคม 2563 และโครงการสูบน้ำจากแม่น้ำระยองไปยังสระสำรองน้ำดิบทับมา คาดว่าพร้อมใช้งานเดือนกันยายน 2563
อีสท์ วอเตอร์ พัฒนาแนวคิดเพื่อชวนให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรน้ำ ผ่านหลักปฏิบัติเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยสร้างพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและร่วมมือกันในทุกภาคส่วน ภายใต้ โครงการ “สะกิดไทย ใส่ใจน้ำ” นำเสนอหลักปฏิบัติการใช้น้ำรูปแบบใหม่ ประกอบไปด้วยหลักปฏิบัติ 3 ส่วน คือ คุ้มค่า, คาดการณ์, ควบคุม โดยการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่ารู้คุณค่าสู่ความยั่งยืน มีการคาดการณ์จัดสรรน้ำและสำรองน้ำไว้ใช้ เพื่อใช้อย่างพอเพียงและเพียงพอต่อปริมาณน้ำที่มีการจัดสรรไว้อย่างระมัดระวัง และควบคุมวางแผนใช้น้ำให้พอดีกับพฤติกรรมการใช้น้ำของตนเอง เพื่อที่จะไม่ก่อให้เกิดการเสียสมดุลของการใช้น้ำ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและมีน้ำเพียงพอเพื่ออนาคตข้างหน้าอย่างแท้จริง
ข่าว ณ วันที่ 17 เมษายน 2563