ธุรกิจ EW

จัดการนํ้าเพื่อชีวิต เพื่อเศรษฐกิจ เพื่อชุมชน

ธุรกิจ EW

ธุรกิจนํ้าประปา/น้ำอุตสาหกรรม

ธุรกิจน้ำประปา (Tap Water)

ด้วยความพร้อมด้านการบริหารจัดการน้ำมากกว่า 20 ปี และความเชี่ยวชาญในการบริหารกิจการประปาของกลุ่มบริษัทอีสท์วอเตอร์  ทั้งการผลิตน้ำประปาจากน้ำผิวดิน และ การผลิตน้ำประปาจากน้ำทะเลในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำผิวดิน โดยกลุ่มบริษัทเป็น ผู้นำเทคโนโลยีการผลิตน้ำประปาจากน้ำทะเลโดยใช้ระบบรีเวอร์ส ออสโมซีส (Reversed  Osmosis) หรือการแยกเกลือออกจากน้ำ เป็นรายแรกของประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลสำคัญๆ ภายใต้สัญญาร่วมลงทุนจากหน่วยงานราชการ ทั้งนี้ เพื่อสร้างเสถียรภาพในการผลิตน้ำประปาและสามารถส่งจ่ายให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการเสริมสร้างการพัฒนาคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม  

ด้วยประสบการณ์และความชำนาญในการบริหารระบบ “นํ้า” อย่างครบวงจร กลุ่มบริษัท อีสท์วอเตอร์ จึงได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานราชการต่างๆ ให้ร่วมลงทุนเพื่อบริหารกิจการประปาในหลายพื้นที่ ในรูปแบบสัญญาสัมปทาน เช่น สัญญา BOO (Build-Own-Operate), BTO (Build-Transfer-Operate), BOOT (Build-Own-Operate-Transfer) และ Lease ในระยะเวลา 15-30 ปี กับคู่สัญญา

การร่วมลงทุนดังกล่าวจะช่วยลดภาระการจัดหางบประมาณการลงทุนของภาครัฐ โดยเปลี่ยนบทบาทของภาครัฐจากผู้ดำเนินการ (Operator) เป็นผู้ควบคุมดูแล (Regulator) ทำให้ภาครัฐสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทั้งในด้านการขยายเขตจำหน่ายน้ำและการสร้างความพึงพอใจแก่ประชาชนผู้ใช้น้ำ โดยกลุ่มบริษัทอีสท์วอเตอร์ จะเป็นผู้รับผิดชอบในการลงทุนและการบริหารโครงการทั้งหมด ส่วนคู่สัญญาจะชำระค่าจ้างตามหน่วยน้ำที่ผลิตได้

รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อฝ่ายพัฒนาธุรกิจโทร  02-272-1600 ต่อ 2358

ระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมอีสท์ วอเตอร์ (Industrial Water Plant)

ปัจจุบันบริษัทก้าวสู่การดำเนินธุรกิจน้ำครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ โดยในปี 2565 บริษัทได้ก่อสร้างระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมแห่งแรกของบริษัท รูปแบบ External Sludge Retune กำลังการผลิตสูงสูด 100,000 ลบ.ม./วัน มีรูปแบบสัญญาให้บริการแก่ลูกค้าแบบ BOO (Build-Own-Operate) และเป็นระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรม รูปแบบ External Sludge Retune ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยการวิเคราะห์รูปแบบ และกระบวนการสำหรับระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรม สามารถลดต้นทุนการก่อสร้างด้วยการลดพื้นที่ในการก่อสร้าง ติดตั้งระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมได้ กว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับการก่อสร้างระบบถังตกตะกอนแบบธรรมดา รวมถึงลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ ของเสียที่เกิดขึ้นจากระบบ ลดพลังงานไฟฟ้า เป็นต้น

บริษัทได้นำเทคโนโลยีระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมที่มีถังตกตะกอน Solid contact ประเภท External Sludge Return มาใช้ในการผลิตน้ำอุตสาหกรรม  โดยถังตกตะกอนประเภทนี้เป็นถังตกตะกอนที่ออกแบบให้สามารถนำตะกอนที่เกิดขึ้นในระบบย้อนกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ในระบบตกตะกอนได้ (Sludge Return) โดยนำย้อนกลับมาเข้าระบบใหม่พร้อมกับน้ำดิบที่เข้าระบบ ตะกอนที่ถูกหมุนเวียนกลับมาเข้าระบบใหม่นี้จะทำหน้าที่ช่วยในการตกตะกอน ทำให้การตกตะกอนเกิดขึ้นรวดเร็ว ส่งผลให้ใช้ระยะเวลาในการตกตะกอนน้อยกว่าถังตกตะกอนที่ไม่มีการนำตะกอนย้อนกลับมา พื้นที่ที่ใช้ในการผลิตน้ำในอัตราที่เท่ากันจึงมีขนาดเล็กกว่าถังตกตะกอนรูปแบบอื่นๆ (Small footprint) เทคโนโลยีการผลิตน้ำประเภทนี้เรียกโดยทั่วไปว่า ระบบตกตะกอนในอัตราสูง (High Rate Clarification system) เนื่องมาจากระยะเวลาที่ใช้ในการตกตะกอนที่รวดเร็ว

ในปี 2565 บริษัทได้เริ่มให้บริการน้ำอุตสาหกรรม ในจังหวัดระยอง โดยมีปริมาณน้ำดังตารางด้านล่าง

รายละเอียด

ปริมาณน้ำ

หมายเหตุ

ปริมาณน้ำเข้าระบบผลิต (ลบ.ม.)

4,083,182.20

 

ปริมาณน้ำออกจากระบบ (ลบ.ม.)

4,051,351.85

 

ปริมาณน้ำสูญเสียในระบบผลิต (ลบ.ม)

31,830.35

น้ำจากการล้างระบบฯ จะนำกลับมาใช้ใหม่

 

ประโยชน์ที่ได้รับ

รายละเอียด

ระบบเดิม

(Conventional)

ระบบใหม่

(Sludge Return)

การเปรียบเทียบ

1.พื้นที่สำหรับก่อสร้างระบบผลิต

6,400 ตร.ม.

3,000 ตร.ม.

เมื่อเทียบระบบผลิตที่อัตรากำลังผลิตเท่ากัน พบว่าระบบใหม่ใช้พื้นที่น้อยกว่าระบบเดิม เนื่องจากระบบตกตะกอนแบบ Sludge Return ใช้พื้นที่รวมลดลงประมาณ ร้อยละ 50 จากระบบเดิม ส่งผลทำให้สามารถลดต้นทุนการจัดหาพื้นที่สำหรับติดตั้งระบบผลิตได้

2.ระยะเวลาการก่อสร้าง

13-14 เดือน

6-8 เดือน

ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อสร้างระบบ

3.ระยะเวลาในการผลิตน้ำหยดแรก

180-200 นาที

40-60 นาที

ระบบใหม่ลดเวลา และพลังงานในการผลิตน้ำหยดแรก ส่งผลให้ระบบใหม่ใช้เวลาการผลิตน้ำลดลง เมื่อเทียบปริมาณน้ำที่ผลิตได้เท่ากัน

4.การใช้สารเคมีในระบบ

 

ลดการใช้สารเคมีในระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมได้มากกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับคุณภาพน้ำของน้ำอุตสาหกรรมที่ผลิตได้เท่ากัน (ค่าความขุ่น < 1 NTU)

5. อัตราน้ำสูญเสีย

ร้อยละ 97

มากกว่า

ร้อยละ 99

ระบบออกแบบให้ใช้น้ำในการล้างบ่อกรองน้อยกว่าระบบเดิม และมีการนำน้ำล้างกลับมาหมุนเวียนผลิตเป็นน้ำอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้มีอัตราน้ำสูญเสียต่ำ

6.การกำจัดของเสียที่เกิดจากระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรม

 

ลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดตะกอนได้ > 50 %  เมื่อเปรียบเทียบกับระบบเดิม เนื่องจากมีการหมุนเวียนตะกอนกลับมาใช้ในระบบ





+9 สนับสนุนเบราว์เซอร์

© 2558-2559 บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน)